ศึกษาความต้องการกิจกรรมนันทนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนภาคใต้ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Needs of Participation in Recreational Activities of Grad 12 Students in the Southern Schools under Office of the Basic Education Commission of Thailand, Academic Year 2013
: ชื่อผู้วิจัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปัญญา ศักดิ์แก้ว
: ตำแหน่ง -
: หลักสูตรและการเรียนรู้
: ปี 2556
: 253
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนภาคใต้ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2556 จำนวน 400 คน โดยใช้เครื่องมือ คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ ทางสถิติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าความถี่ (frequency) และค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) โดยการทดสอบค่าที (t- test) และการทดสอบค่า (F-test) ผลการวิจัย พบว่า
1. นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชายเมื่อจำแนกตามโปรแกรมวิชา ศิลป์-ภาษา มีจำนวนนักเรียนมากที่สุด มีสถานที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 15
2. ความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนภาคใต้ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2556 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านสถานที่ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมนันทนาการ รองลงมา คือ ด้านประเภทกิจกรรมนันทนาการและด้านระบบกลไกการจัดกิจกรรมนันทนาการมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด โดยในแต่ละด้านสรุปได้ ดังนี้
2.1 ด้านระบบกลไกการจัดกิจกรรมนันทนาการ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายการ พบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมนันทนาการมีความเหมาะสม รองลงมาคือ โรงเรียนมีการกำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมนันทนาการให้แก่นักเรียนอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมนันทนาการที่จัดนักเรียนเป็นผู้ดำเนินการเอง ครูเป็นที่ปรึกษาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยการจัดกิจกรรม
2.2 ด้านประเภทกิจกรรมนันทนาการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ กิจกรรมนันทนาการประเภทเกมและกีฬาเพื่อการแข่งขัน เช่น เกมประกวด เกมหมากรุก เกมการละเล่นพื้นบ้าน ส่วนประเภทกีฬา ได้แก่ กีฬาสี กีฬากลุ่ม เช่น กรีฑา ว่ายน้ำ แบดมินตัน ปิงปอง ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเล่ย์บอล ตะกร้อ เป็นต้น รองลงมา คือ กิจกรรมนันทนาการประเภทศิลปะและหัตถกรรม เช่น การวาดภาพ การประดิษฐ์เครื่องเล่น การพิมพ์ภาพ การปั้น การแกะสลักผลไม้ การเย็บปัก ถักร้อย การจักสานต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมนันทนาการประเภทการละคร เช่น ละครร้อง โขน ละครรำ ละครพูด มโนราห์ ลิเก หนังตะลุง หุ่นกระบอก เป็นต้น
2.3 ด้านบุคลากรในการจัดกิจกรรมนันทนาการ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ บุคลากรมีทักษะในการจัดกิจกรรมนันทนาการ รองลงมา คือ บุคลากรเข้าใจบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือมีบุคลากรประจำสถานที่หน่วยพยาบาลในการจัดกิจกรรมนันทนาการ
2.4 ด้านสถานที่ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โรงเรียนมีสถานพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พยาบาลเบื้องต้น รองลงมา คือ โรงเรียนมีสถานที่จอดรถในการจัดกิจกรรมนันทนาการ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ โรงเรียนมีสถานที่อาบน้ำและห้องน้ำในการจัดกิจกรรมนันทนาการ
3. เปรียบเทียบความแตกต่างของความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ
3.1 นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีเพศต่างกัน มีความต้องการการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการไม่แตกต่างกัน
3.2 นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโปรแกรมวิชาต่างกัน มีความต้องการการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการไม่แตกต่างกัน
3.3 นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีสถานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาต่างกัน มีความต้องการการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการไม่แตกต่างกัน

ศึกษาความต้องการกิจกรรมนันทนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนภาคใต้ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานNeeds of Participation in Recreational Activities of Grad 12 Students in the Southern Schools under Office of the Basic Education Commission of Thailand, Academic Year 2013 is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 3.0 License.