การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
The development of a Blended Learning Model by using Inquiry-Based Learning managementand Conceptual thinking in History subject for grade 10 students

: ชื่อผู้วิจัย นาย วรษา จักรพันธุวงค์
: ตำแหน่ง ครู
: ประถม - มัธยมศึกษา
: ปี 2567
: 17

logo onec

บทคัดย่อ (Abstract)

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสภาพปัจจุบัน ความต้องการในการจัดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ (พัฒนาประชาอุปถัมภ์) 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ (พัฒนาประชาอุปถัมภ์) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 31 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) ผลการวิจัย พบว่า

1. ข้อมูลพื้นฐานสภาพปัจจุบัน พบว่า สภาพปัจจุบันมีการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนตามเนื้อหา นักเรียนไม่ให้ความสำคัญวิชาประวัติศาสตร์ ไม่ค่อยสนใจในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ สื่อการเรียนการสอนและกิจกรรมในห้องเรียนไม่น่าสนใจ และความต้องการในการจัดการเรียนรู้ พบว่า จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับนักเรียน สร้างความรู้ด้วยตนเอง ใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย เหมาะสม มุ่งสู่การส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสื่อสาร สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

2. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) ปัจจัยนำเข้า 2) กระบวนการ 3) ผลลัพธ์ และ 4) ข้อมูลป้อนกลับ และประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.60/81.45

3. ค่าดัชนีประสิทธิผลกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ 0.6288 หรือมีความก้าวหน้าในการเรียนคิดเป็นร้อยละ 62.88

4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.18, = 0.771)

`

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการคิดเชิงมโนทัศน์ วิชาประวัติศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4The development of a Blended Learning Model by using Inquiry-Based Learning managementand Conceptual thinking in History subject for grade 10 students is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 3.0 License.

งานวิจัยล่าสุด