รูปแบบโปรแกรมการใช้เวลาว่างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
A Leisure Program for Enhancing Life Quality of Higher Education Students in the Area of 3 southern Border Provinces
: ชื่อผู้วิจัย นางสุธนี พิสุทธิ์กวิน
: ตำแหน่ง -
: หลักสูตรและการเรียนรู้
: ปี 2554
: 282
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการใช้เวลาว่างฯ และโปรแกรมการใช้เวลาว่างที่เหมาะสมของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบโปรแกรมการใช้เวลาว่างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1-2 ของสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คณะผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการใช้เวลาว่างของนักศึกษา 9 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการอยู่ค่ายพักแรม 2) ด้านกิจกรรมกีฬาประเภทเสี่ยงอันตรายและกิจกรรมประเภทท้าทาย 3) ด้านการแสดง/ละคร 4) ด้านศิลปะ 5) ด้านเกมกีฬา 6) ด้านดนตรีและการร้องเพลง 7) ด้านงานอดิเรก 8) ด้านการอ่านหนังสือ และ 9) ด้านคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หลังจากนั้นได้ศึกษาโปรแกรมการใช้เวลาว่างที่เหมาะสมด้วยวิธีการจัดเวทีสนทนากลุ่ม กลุ่มตัวอย่างคือ คณาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับกิจการนักศึกษาและตัวแทนสโมสรนักศึกษาระดับปริญญาตรีของทั้ง 4 สถาบัน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและใช้การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนาผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการใช้เวลาว่างของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา พบว่าโดยรวมแล้ว นักศึกษามีรูปแบบการใช้เวลาว่างให้หมดไปในรูปแบบทั้ง 9 ด้านเป็นบางครั้ง (x̄ = 2.66) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักศึกษามีรูปแบบการใช้เวลาว่างในด้านคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̄ = 3.18) รองลงมาได้แก่ ด้านเกมกีฬา (x̄ = 3.03) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดได้แก่ ด้านกิจกรรมกีฬาประเภทเสี่ยงอันตรายและกิจกรรมประเภทท้าทาย (x̄ = 2.12)
2. โปรแกรมการใช้เวลาว่างที่เหมาะสมสำหรับนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รูปแบบโปรแกรมการใช้เวลาว่างที่เหมาะสมของกลุ่มนักศึกษาจากทั้ง 4 สถาบัน พบว่า รูปแบบการใช้เวลาว่างที่เหมาะสมสำหรับนักศึกษากลุ่มนี้มี 5 ด้าน คือ ด้านเกมกีฬา ด้านคอมพิวเตอร์ ด้านการอ่านหนังสือ ด้านการอยู่ค่ายพักแรม และด้านงานอดิเรก สำหรับช่วงเวลาในการทำกิจกรรมที่สม่ำเสมอในวันปกติและวันหยุด คือ ด้านเกมกีฬา และด้านคอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการอยู่ค่ายพักแรม ด้านงานอดิเรก และด้านการอ่านหนังสือ เวลาที่เหมาะสมคือ วันหยุด เสาร์ -อาทิตย์ และวันหยุดปิดภาคเรียน
3. ผลการใช้โปรแกรมการใช้เวลาว่างโดยนักศึกษากลุ่มตัวอย่างเลือกรูปแบบการใช้เวลาว่างจาก 5 รูปแบบที่นิยม ไปกำหนดโปรแกรมการใช้เวลาว่างของตนเองและนำไปปฏิบัติต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ พบว่าได้ผลดังนี้ คือ 1) ด้านประโยชน์ที่ได้รับ นักศึกษาเกิดความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น มีสุขภาพดีขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและอารมณ์ และเกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างนักศึกษากับบุคคลรอบข้างและผู้อื่น 2) ด้านความพึงพอใจต่อการทำโปรแกรมการใช้เวลาว่าง นักศึกษามีความพึงพอใจในผลที่เกิดขึ้นกับตนเอง ต้องการให้ขยายผลไปยังผู้อื่นและต้องการให้มีการทำกิจกรรมที่ต่อเนื่อง
4. ผลการประเมินระดับคุณภาพชีวิตของนักศึกษากลุ่มตัวอย่างตามองค์ประกอบของคุณภาพชีวิต 4 ด้านขององค์การอนามัยโลกชุดย่อฉบับภาษาไทย (WHOQOL-BREF-THAI) ซึ่งประกอบด้วย 1) ด้านร่างกาย 2) ด้านจิตใจ 3) ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม และ 4) ด้านสิ่งแวดล้อม ปรากฏว่าระดับคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการรับรู้ในตนเองของนักศึกษาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือการรับรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต รองลงมาคือ ด้านร่างกายที่มีผลต่อชีวิตประจำวันและการรับรู้ในตนเองของนักศึกษาที่แตกต่างกันไม่มากคือด้านจิตใจและด้านความสัมพันธ์

รูปแบบโปรแกรมการใช้เวลาว่างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้A Leisure Program for Enhancing Life Quality of Higher Education Students in the Area of 3 southern Border Provinces is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 3.0 License.