การวิจัยออกแบบแนวทางการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตามและช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
: ชื่อผู้วิจัย นาย ภูมิ พระรักษา
: ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
: นโยบายการศึกษา
: ปี 2567
: 0
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยเรื่องการออกแบบแนวทางการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตามและช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีวัตถุประสงค์การวิจัยทั่วไปเพื่อสร้างแนวทางการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตามและช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ของนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนี้ 1) เพื่อวิเคราะห์จัดกลุ่มเด็กตามสภาพปัญหา ข้อจำกัดที่เป็นสาเหตุการตกหล่นและออกกลางคันของเด็กและความต้องการจำเป็นของเด็ก 2) เพื่อพัฒนาต้นแบบแนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่น 3) เพื่อพัฒนาต้นแบบแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังการออกกลางคันที่สอดคล้องกับปัญหา ความต้องการจำเป็นของเด็ก และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้อง 4) เพื่อพัฒนาต้นแบบแนวทางการติดตาม ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับปัญหา ความต้องการจำเป็นของเด็ก และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้อง และ 5) เพื่อประเมินต้นแบบแนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่น แนวทางการป้องกันและเฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน และแนวทางการติดตาม ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคัน
การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยการออกแบบทางการศึกษา (Design Research in Education) ดำเนินการคาบเกี่ยวระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2565-2566 มีการดำเนินการวิจัย 5 ระยะ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์และสำรวจ ระยะที่ 2 การสร้างต้นแบบแนวทางการดำเนินงาน ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ดำเนินการ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 3 การทดสอบต้นแบบแนวทางการดำเนินงาน ระยะที่ 4 การประเมินและการสะท้อนคิด และ ระยะที่ 5 การปรับปรุง พัฒนา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จากทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 17 เขต จำนวนโรงเรียน รวม 1,435 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้อำนวนการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รองผู้อำนวนการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากลุ่มเป้าหมาย และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการวิเคราะห์สถิติพื้นฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์ค่าความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) และข้อมูลเชิงคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. สภาพปัญหาหรือข้อจำกัด และความต้องการจำเป็นที่เป็นสาเหตุการตกหล่นและออกกลางคัน
สาเหตุการตกหล่นและออกกลางคันของเด็ก ประกอบด้วย 11 สาเหตุ ดังนี้ 1) ความจำเป็นของครอบครัว 2) ย้ายถิ่นที่อยู่ 3) รายได้ไม่เพียงพอ 4) ปัญหาสุขภาพหรือความพิการ 5) ปัญหาความประพฤติและการปรับตัว 6) ผลกระทบจาก COVID-19 7) เสี่ยงต่อการกระทำผิด 8) คมนาคมไม่สะดวก 9) สมรส 10) ผลการเรียน และ 11) ผู้ปกครองไม่ใส่ใจ ทั้งนี้ สาเหตุการตกหล่นและออกกลางคันของเด็กมากที่สุด คือ ความจำเป็นของครอบครัว รองลงมาคือ การย้ายถิ่นที่อยู่ รายได้ไม่เพียงพอ ปัญหาความประพฤติและการปรับตัว และปัญหาสุขภาพหรือความพิการตามลำดับ ทั้งนี้สามารถจำแนกตามภูมิภาคได้ ดังนี้ ภาคเหนือและภาคใต้มีเด็กออกลางคันมากที่สุดมาจากสาเหตุความจำเป็นของครอบครัว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเด็กออกลางคันมากที่สุดมาจากสาเหตุปัญหาความประพฤติและการปรับตัว และภาคกลางมีเด็กออกลางคันมากที่สุด 2 สาเหตุ คือการย้ายถิ่นที่อยู่และปัญหาความประพฤติและการปรับตัว
2. แนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่น แนวทางการป้องกันและเฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน และแนวทางการติดตาม ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคัน
แนวทางการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตามและช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) แนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่น 2) แนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน และดูแลช่วยเหลือเด็กออกกลางคันที่กลับเข้าระบบการศึกษา และ 3) แนวทางการติดตาม ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งนี้การดำเนินงานโดยภาพรวมตามบทบาทหน้าที่ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 5 ส่วน ได้แก่ 1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 3) สถานศึกษา 4) ครอบครัว/ผู้ปกครอง และ 5) เครือข่ายความร่วมมือ โดยมีแนวทางที่สำคัญมีรายละเอียด ดังนี้
2.1 แนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่น
แนวทางการป้องกันไม่ให้เด็กตกหล่นโดยภาพรวม มีแนวทางที่สำคัญดังนี้ 1) การกำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินงาน วางระบบและจัดทำคู่มือ แนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายที่ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง 2) การค้นหาเด็กตาม ทร.14 และเด็กที่ไม่มีชื่อแต่มีตัวในพื้นที่บริการแล้วลงเยี่ยมเพื่อแจ้งการนำเด็กเข้าเรียนเมื่อเด็กอายุถึงเกณฑ์ 3) การพัฒนาและปรับปรุงแอปพลิเคชัน “พาน้องกลับมาเรียน” สำหรับป้องกันเด็กตกหล่นทางการศึกษา โดยการเพิ่มช่องทางการแจ้งข้อมูลเด็กตกหล่นที่เข้าถึงได้ง่าย ครอบคลุม เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูล (Data Management Center: DMC) สามารถส่งต่อนักเรียนไปยังหน่วยงาน และสถานศึกษาที่เกี่ยวข้อง 4) การจัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันเด็กตกหล่น และแต่งตั้งคณะทำงาน 5) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกระดับทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น 6) สร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และบังคับใช้พระราชบัญญัติการศึกษา และพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับอย่างทั่วถึง จริงจังและต่อเนื่อง 7) ส่งเสริม สนับสนุนระบบการแนะแนวการศึกษาและการพัฒนาสมรรถนะครูแนะแนว 8) เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการรับนักเรียน การติดตาม การส่งต่อ และระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน 9) ทบทวนงบประมาณโครงการอาหารกลางวันให้ครอบคลุมนักเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ 10) ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างความตระหนักและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชนเกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษา และ 11) เสริมสร้างระบบการนิเทศ กำกับ ติดตามให้สามารถแก้ปัญหาและส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.2 แนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังเด็กการออกกลางคัน
แนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกัน เฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน โดยภาพรวมมีแนวทางที่สำคัญ ดังนี้ 1) การกำหนดนโยบายการป้องกัน เฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน และดูแลช่วยเหลือเด็กออกกลางคันที่กลับเข้าระบบการศึกษา “ไม่มีเด็กออกกลางคัน” และมีกระบวนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง 2) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศและปรับปรุงแอปพลิเคชัน “พาน้องกลับมาเรียน” สำหรับป้องกันเด็กออกกลางคัน ให้เข้าถึงได้ง่าย ครอบคลุม และสามารถเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูล (Data Management Center: DMC) ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือ แก้ปัญหา หรือส่งต่อไปยังสถานศึกษาอื่นต่อได้โดยสะดวก 3) สร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับกระทรวง กรม หน่วยงาน และจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และประสานงานการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับพื้นที่ 4) จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5) ส่งเสริมจัดการศึกษาที่มีความยืดหยุ่น (Flexibility of Education) การจัดการเรียนรู้เป็นโปรแกรมเฉพาะบุคคล (Individual Program) เชื่อมโยงกับการทำงาน 6) ปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาแนะแนวให้เป็นแบบเชิงรุกที่เชื่อมโยง มีการแนะแนวอาชีพในอนาคตที่เป็นแนวโน้มและทิศทางของโลก 7) พัฒนาระบบการรับนักเรียนของโรงเรียนให้มีการข้อมูลสารสนเทศที่เพียงพอรายบุคคล มีการดำเนินงานติดตาม ดูแลช่วยเหลืออย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการประเมินความเสี่ยงของเด็กก่อนเข้าเรียนแต่ละชั้นปีเพื่อให้มีข้อมูลในการเฝ้าระวัง ป้องกันเด็กเป็นรายบุคคล 8) เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนโดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 9) ระดมทรัพยากร ทุนการศึกษา และระดมความคิดเห็น รวมทั้งความร่วมมือในการป้องกัน เฝ้าระวังเด็กออกกลางคัน และดูแลช่วยเหลือเด็กออกกลางคันที่กลับเข้าระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนรายบุคคล และ 10) พัฒนาระบบการนิเทศ กำกับ ติดตาม ให้สามารถส่งเสริม สนับสนุนและแก้ปัญหาการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.3 แนวทางการติดตาม ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา
แนวทางการดำเนินงานโดยภาพรวมเพื่อติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยภาพรวมมีแนวทางที่สำคัญ ดังนี้ 1) การกำหนดนโยบายการค้นหา ติดตามเด็กตกหล่น และออกกลางคัน กำหนดแนวทางและคู่มือการดำเนินงาน 2) การสร้างความเข้าใจและบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 3) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับกระทรวง กรม รวมทั้งระดับหน่วยงานในพื้นที่ 4) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศและปรับปรุงแอปพลิเคชัน “พาน้องกลับมาเรียน” สำหรับติดตาม ค้นหาเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้เข้าถึงได้ง่าย ครอบคลุมและเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูล (Data Management Center: DMC) 5) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะทำงาน หรือศูนย์ประสานงาน6) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดสรรงบประมาณโครงการอาหารกลางวันให้ครอบคลุมนักเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ 7) ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานระบบการแนะแนวการศึกษาต่อ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และ 8) พัฒนาระบบการนิเทศ กำกับ ติดตามที่มีประสิทธิภาพ

การวิจัยออกแบบแนวทางการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตามและช่วยเหลือเด็กตกหล่นและออกกลางคันตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 3.0 License.